วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข่าวฟุตบอล แซมบ้ายำแซ่บชิลี3:0 ฉลุย8ทีมฟัดฮัศวินสีส้ม

ศึกลูกหนังฟุตบอลโก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้ายวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน "แซมบ้า" บราซิล ถล่มชิลี ไปแบบขาดลอย 3:0 เดินเข้าสู่รอบ8ทีมสุดท้าย

ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2553
บราซิล 3:0 ชิลี

ครึ่งแรก เริ่มครึ่งแรกชิลีได้เป็นฝ่ายเขี่ยบอลเริ่มเล่นก่อน ชิลีก็เปิดเกมบุกทันที แต่ทีมที่ได้ลุ้นก่อนกลับเป็น บราซิลในนาที 4 จากจังหวะโต้กลับเร็วของบราซิล หลุยส์ ฟาเบียโน่ หลุดมาทางขวาเลี้ยงจี้เข้าเขตโทษแล้วซัดด้วยขวาแต่ยิงบดไปมากบอลเลยเสา สองออกหลังไป

บราซิลเริ่มมาเป็นชุด นาที 8 จิลแบร์โต้ ซิลวา ได้ซัดไกลนอกกรอบด้วยขวาบอลพุ่งแรงติดไซด์ก้อยทำท่าจะมุดเสาแต่ เคลาดิโอ บราโว่ ยังไม่พลาดกระโดดพุ่งปัดไว้ได้และอึดใจเดียว กาก้า ก็ได้ส่องไกลนอกกรอบบ้างแต่ยังไม่ดีพอ

นาที 13จากลูกวางบอลยาวกลางสนามมาถึงหน้าเขตโทษ อุมเบร์โต้ ซัวโซ่ ยิงเร็วด้วยขวาทันที ชูลิโอ เซซ่าร์ ยังรับไว้ได้ และอีกสองนาทีถัดมา รามิเรส แข้งแซมบ้ามีโอกาสได้ส่องไกลนอกกรอบ เคลาดิโอ บราโว่ นายทวารชิลีล้มตัวรับไว้ได้

ชิลีหาทางเจาะเกมบราซิลลำบากจึงได้ลองส่องไกลนอกกรอบในนาที 22 ของอเล็กซิส ซานเชซ และอีกจังหวะจากการยิงไกลของ กอนซาโล่ ฆาร่า

นาที28บราซิลได้ลูกเตะมุม ดั๊กลาส ไมค่อน เปิดลูกเตะมุมโด่งยาวมาหน้าประตู ฮวน ได้เทกตัวขึ้นโขกแตผิดเหลี่ยมไปมากบอลปลิ้นออกหลังไป

แซมบ้ามาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1:0 จน ได้ในนาที 35 จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา ดั๊กลาส ไมค่อน วางบอลยาวมาหน้าประตู ฮวน ได้กระโดดขึ้นโหม่งไม่พลาดบอลเสียบตาข่ายเข้าไปสุดสวย

นาที 38 บราซิลมาได้ประตูหนีห้างเป็น 2:0 จากจังหวะที่ โรบินโญ่ ลากบอลมาทางกราบซ้ายจ่ายตัดเข้าในให้ กาก้า แล้วแทงบอลเร็วไปหน้าประตู หลุยส์ ฟาเบียโน่ ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษโชว์ทักษะล็อคหลบ เคลาดิโอ บราโว่ ประตูชิลี แล้วยิงเข้าไปจ่อๆแบบเลือดเย็นบอลข้ามเส้นเข้าประตูไป

ช่วงท้ายเกมในครึ่งแรก ยังเป็นบราซิลที่ครองเกมได้มากกว่าและได้ลุ้นจากลูกพุ่งโหม่งของ หลุยส์ ฟาเบียโน่ จบเกมครึ่งแรก "แซมบ้า" บราซิล ยังนำ ชิลี อยู่2:0

ครึ่งหลัง เริ่งเกมครึ่งหลังแค่3นาทีแรกบราซิลก็ได้ลุ้นก่อนอย่างรวดเร็วจากลูกฟรีคิก นอกกรอบทางซ้าย ดาเนียล อัลเวส เป็นคนปั้นบอลเหินข้ามคานหลุดเสาสองออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 59 แซมบ้ามาได้ประตูหนีห่างออกไปอีกเป็น 3:0 จากจังหวะที่ รามิเรส ตัดบอลได้จากกลางสนามกระชากบอลลากเลื่อยมาถึงไกล้เขตโทษชิลีแล้วแทงบอลออก ด้านซ้ายให้ โรบินโญ่ ยิงปั้นด้วยขวาบอลเสียบเสาเข้าไปสุดงาม

นาที 66 ชิลีได้ลุ้นตีไข่แตกจากจังหวะที่ อเล็กซิส ซาน จ่าบบอลตัดเข้ากลางให้ ฮอร์เก้ วัลดิเวีย แตะบอลแล้วซัดด้วยขวาใบไม้ล่วงเสียบหลังตาข่ายยังไม่เป็นประตูและอีก3นาที ถัดมา กาก้า ได้มีโอกาสลุ้นประตูจากลูกส่องไกลนอกกรอบแต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไป

แซมบ้าบราซิลมาได้โอกาสทองอีกครั้งนาที 73 จากจังหวะโต้กลับเร็ว โรบินโญ่ ได้บอลจากกลางกระชากบอลมาทางฝั่งขวาก่อนเลี้ยงบอลจี้เข้าเขตโทษแล้วตัดสินใจ ยิงเองอัดไปที่เสาสองแต่บอลยังไปติดมือของ เคลาดิโอ บราโว่ ปัดออกหลังไปช่วยทีมเอาไว้ได้

นาที 78 เป็นจังหวะได้ลุ้นตีไข่แตกของชิลี โรดริโก้ เตลโล่ ตัวสำรองเตะมุมวางยาวมาถึงกลางประตู อุมเบร์โต้ ซัวโซ่ ได้ซัดบอลลอยโค้งตกลงโดนเหลี่ยมบนของคานออกไป

ช่วงทดเจ็บ ชิลียังมีลุ้นตีไข่แตกจากจังหวะที่ ฮอร์เก้ วัลดิเวีย ตัวสำรองชิลีได้มีโอกาสยิงไม่ดีพอที่จะเป็นประตู กรรมการเป่าจบ90นาที "แซมบ้า" บราซิล ถล่มชิลี ไปแบบขาดลอย 3:0 เดินเข้าสู่รอบ8ทีมสุดท้าย

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ตารางแข่งฟุตบอลโลก 2010 รอบสอง



โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 รอบสองได้ที่นี่ รวม 4 วัน 8 แมตช์การแข่งขัน



วัน เวลา ทีม ทีม ช่อง
26/6 21.00 อุรุกวัย VS เกาหลีใต้ 11
26/6 01.30 อเมริกา VS กาน่า 9
27/6 21.00 เยอรมัน VS อังกฤษ 7
27/6 01.30 อาร์เจนตินา VS เม็กซิโก 3
28/6 21.00 ฮอลแลนด์ VS สโลวาเกีย 11
28/6 01.30 บราซิล VS ชิลี 9
29/6 21.00 ปารากวัย VS ญี่ปุ่น 7
29/6 01.30 สเปน VS โปรตุเกส 3

ข่าวฟุตบอล ฟ้าขาวถลุงจังโก 3-1 ฉลุยชนเบียร์

ข่าวฟุตบอล ฟ้าขาวถลุงจังโก 3-1 ฉลุยชนเบียร์

สมราคาทีมเต็ง อาร์เจนติน่าเป็นฝ่ายเอาชนะเม็กซิโกไม่ยากเย็น 3-1 โดยคาร์ลอส เตเวซ หัวหอกตัวเก่งซัดคนเดียว 2 เม็ด บวกกับอีกประตูของกอนซาโล่ อิกัวอิน ทำให้พวกเขาทะยานเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปเจอกับเยอรมันนีแล้ว


ฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีม

อาร์เจนติน่า 3 - 1 เม็กซิโก

อาร์เจนติน่า พบ เม็กซิโก ทีมจากละตินอเมริกาเช่นกัน โดยเกมนี้ทัพฟ้าขาวส่งชุดใหญ่ลงสนาม นำโดย 3 ประสาน ลิโอเนล เมสซี่, คาร์ลอส เตเวซ และ กอนซาโล่ อิกัวอิน ขณะที่จังโก้ฝากความหวังที่ ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เอร์นานเดซ, โจวานี่ ดอส ซานโตส และ อดอลโฟ่ เบาติสต้า

เริ่ม เกมมา เม็กซิโกทำเกมได้ดุดัน นาทีที่ 8 ก็ทักทายอย่างน่าหวาดเสียวจากลูกยิงไกลนอกกรอบของ คาร์ลอส ซัลซิโด้ ที่ส่งบอลไปชนคานอย่างจัง ทำเอาแฟนๆ ครางฮือ

แต่นาทีที่ 26 อาร์เจนติน่าก็นำ 1-0 เมื่อเมสซี่ดีดบอลให้คาร์ลอส เตเวซ โขกจ่อๆ ตุงตาข่าย ท่ามกลางแข้งจังโก้ที่พากันประท้วงว่าล้ำหน้า แต่กรรมการปล่อยผ่าน

หลังได้ประตูนำ ทัพฟ้าขาวก็ได้ใจ กระทั่งนาทีที่ 33 ก็นำห่าง 2-0 เมื่อกอนซาโล่ อิกัวอิน ฉกบอลจากริคาร์โด้ โอโซริโอ เซนเตอร์ฮาล์ฟจังโก้แล้วพาบอลลุยขึ้นไปยิงตุงตาข่ายอย่างเหนือชั้น ทำให้เขานำเป็นดาวซัลโวในรายการนี้จากการสังหารไปแล้ว 4 ประตู

เม็กซิโก พยายามบุก ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว ราฟาเอล มาร์เกซ กปตันจังโก้สบโอกาสส่องไกล 30 หลา แต่ติดเซฟ เซร์คิโอ โรเมโร่ ผู้รักษาประตูฟ้าขาว จบครึ่งแรก อาร์เจนติน่าจึงนำเม็กซิโก 2-0

ใน ครึ่งหลัง เม็กซิโกแก้เกมส่ง ปาโบล บาร์เรร่า กองหน้าลงมาเล่นแทน อดอลโฟ่ เบาติสต้า แต่สถานการณ์ก็ยังเป็นใจให้อาร์เจนติน่า

นาทีที่ 52 ฟ้าขาวนำห่าง 3-0 เมื่อเตเวซ ได้โอกาสวางเท้ายิงด้วยขวาส่งบอลตุงตาข่ายเด็ดขาด เป็นประตูที่สองของเขาในนัดนี้ด้วย

ถัดมานาทีที่ 69 จังโก้หวิดตีไข่แตก เมื่อคาร์ลอส ซัลซิโด้ โยนบอลให้ บาร์เรร่า ตัวสำรอง ยิงข้ามตัวนายด่านฟ้าขาวไปแล้ว แต่ติด มาร์ติน เดมิเคลิส ที่โหม่งสกัดได้บนเส้นปากประตู

ต้องรอจนนาทีที่ 71 เม็กซิโกจึงไล่มาที่ 1-3 จากลูกยิงของ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ แต่ก็ไม่ทันแล้ว จบเกมอาร์เจนติน่าถล่มเม็กซิโก 3-1 ส่งให้ทัพฟ้าขาวผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปพบ เยอรมัน ในวันเสาร์ที่ 3 ก.ค.นี้

ข่าวฟุตบอล อินทรีเหล็ก ถลุงสิงโตขาด 4-1

ข่าวฟุตบอลโลก อินทรีเหล็ก เยอรมัน โชว์ฟอร์มเด็ดขาดเอาชนะ สิงโตคำราม อังกฤษ ได้อย่างขาดลอย 4-1 โดยเกมนี้มีลูกปัญหาเหมือนนัดชิงปี 1966 ที่อังกฤษ ยิงชนคานบอลตกผ่านเส้นแต่ครั้งนี้กลับไม่ได้ประตูทำให้กระแสเกมไม่พลิกมา เข้าทาง


ฟุตบอลโลก 2010 รอบน็อคเอาต์ (27 มิ.ย.53)

เยอรมัน 4-1 อังกฤษ

สนาม : ฟรีสเตท สเตเดี้ยม


ประตู :

1-0 โคลเซ่ 20

2-0 โพดอลสกี้ 33

2-1 อัพสัน 38

3-1 มุลเลอร์ 67

4-1 มุลเลอร์ 70

เกมสุดยอดของรอบสองเมื่อสองทีมดัง “อินทรีเหล็กเยอรมัน และ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ต้องมาเจอกันเองในรอบที่ 2 โดยเกมนี้ทั้งสองทีมปึ้กสุดๆ เยอรมันได้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ พ้นโทษแบน ขณะที่อังกฤษ ใช้ชุดเดิมจากเกมที่ชนะสโลวีเนีย ล่าสุด

เริ่มต้นเกมมาทางด้านเยอรมัน เป็นฝ่ายที่เปิดฉากลุยเข้าใส่ทันที และแค่นาทีที่ 4 ก็เกือบได้เฮแล้ว โดยเป็นจังหวะของ โอซิล ที่ได้บอลเปิดเข้าเขตโทษก่อนจะหลุดเข้าไปได้ซัดเดี่ยวๆ แต่เจมส์ ใช้ขาเซฟได้อย่างหวุดหวิด

หลังจากนั้น เกมเป็นของทีมเมืองเบียร์ที่เล่นได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยอังกฤษ ต่อบอลทำเกมแทบไม่ได้เลย และมาถึงนาทีที่ 20 เยอรมัน ก็มาได้ประตูนำ 1-0 ในจังหวะที่ นอยเออร์ สาดบอลจากประตูขึ้นมาบอลกระเด้งมาเข้าทาง โคลเซ่ วิ่งหลุดเข้าเขตโทษแล้วเบียดเอาชนะอัพสันได้ ก่อนจะจิ้มผ่าน เจมส์ เข้าไป

อังกฤษ พยายามตอบโต้แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก ตรงข้ามกับเยอรมัน ที่ลุยขึ้นมาทีไรก็สร้างความป่วนได้ตลอด และ โคลเซ่ ก็เกือบจะยิงประตูที่สองได้ด้วยเมื่อได้บอลจ่ายทะลุช่องให้โดย มุลเลอร์ แต่ยิงไม่ผ่านเจมส์

แต่เยอรมัน ก็มาหนีเป็น 2-0 ได้สำเร็จในนาทีที่ 33 จากการประสานงานสุดยอดจากการต่อบอลเป็นทอดๆ โอซิล ให้โคลเซ่ ดีดทำชิ่งให้กับ โธมัส มุลเลอร์ หลุดทะลุเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะเปิดให้ โพดอลสกี้ ที่เติมมาพอดีซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเฉียบขาด

สิงโตคำรามยังไม่ยอมแพ้ ไล่มาเป็น 2-1 ได้ในอีก 5 นาทีต่อมาจากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งขวา แล้วเล่นสั้นกัน ก่อนที่เป็น เจอร์ราร์ด เปิดลึกเข้ามาให้ อัพสัน ได้ขึ้นโขกบอลแก้ตัวจากความผิดพลาดที่ทำให้ทีมเสียประตูแรก

นาทีถัดมา อังกฤษ ควรได้ประตูตีเสมอเป็น 2-2 ด้วยเมื่อดันเกมขึ้นมาอีก เดโฟ พลิกบอลหน้าเขตโทษแต่โดนสกัดได้ บอลมาเข้าทาง แลมพาร์ด วิ่งเติมมายิงแบบเน้นๆบอลพุ่งไปชนคานก่อนกระเด้งลงมา แต่กลายเป็นการเฮเก้อกันทั้งทีมเมื่อผู้ตัดสินไม่ให้ประตู

ช่วงที่เหลือ อังกฤษ ยังพยายามจะบุกเพื่อตีเสมอให้ได้ แต่ว่าก็ทำไม่สำเร็จ จบเกมครึ่งแรกเยอรมัน จึงยังนำอยู่เหมือนเดิม

ครึ่งหลังอังกฤษ ลุยต่อเนื่องและเกือบจะตีเสมอได้จากลูกฟรีคิกระยะกว่า 35 หลา แลมพาร์ด ตะบันด้วยขวาบอลพุ่งไปชนคานดังสนั่น ถือเป็นการเปิดฉากครึ่งหลังให้สนุกตื่นเต้นอีกครั้ง โดยหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เปิดเกมแลกกันตลอด

อังกฤษ พยายามบี้หนักและจ่ายบอลขึ้นหน้าให้เร็วขึ้น ซึ่งก็ทำได้สวย 2-3 ครั้งแต่ยังไม่สำเร็จ ขณะที่เยอรมัน โต้กลับมาและใช้การยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษโดยมีจังหวะของ มุลเลอร์ และชไวน์สไตเกอร์ ที่ได้ลุ้นเหมือนกัน

แต่มาถึงนาทีที่ 67 อังกฤษ ก็มาเสียประตู 3-1 ในจังหวะที่ขึ้นไปเล่นลูกเตะมุมแล้วมาพลาดโดนสวนกลับเร็ว เยอรมันขึ้นมา 3 ต่อ 2 ก่อนที่ ชไวน์สไตเกอร์ จะเลือกจ่ายให้ มุลเลอร์ จบสกอร์เข้าไปอย่างสวยงาม

เกมมาขาดในอีก 3 นาทีถัดมา โดยเป็นประตูในรูปแบบเดิมเป๊ะเมื่อเยอรมัน สวนกลับในจังหวะที่อังกฤษ พลาดในการเล่นลูกเตะมุมเป็นทางด้าน โอซิล ที่สปีดพาบอลหนี แบร์รี่ ไปแบบคนละชั้นก่อนจะใส่พานให้ มุลเลอร์ เติมมาเข้าฮอสสบายๆ

ที่สกอร์ 4-1 เยอรมัน ก็เล่นประคองตัวอย่างสบายๆ แต่อังกฤษ ก็ยังไม่ถึงกับถอดใจมีจังหวะที ่เจอร์ราร์ด เติมมาได้ยิงในเขตโทษแต่ว่านอยเออร์ เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนที่สุดท้ายจะรักษาสกอร์เอาไว้ได้สำเร็จ และได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายรอเจออาร์เจนติน่า หรือเม็กซิโก


ผู้ ตัดสิน : ลาร์ริออนด้า