วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข่าวฟุตบอล อินทรีเหล็ก ถลุงสิงโตขาด 4-1

ข่าวฟุตบอลโลก อินทรีเหล็ก เยอรมัน โชว์ฟอร์มเด็ดขาดเอาชนะ สิงโตคำราม อังกฤษ ได้อย่างขาดลอย 4-1 โดยเกมนี้มีลูกปัญหาเหมือนนัดชิงปี 1966 ที่อังกฤษ ยิงชนคานบอลตกผ่านเส้นแต่ครั้งนี้กลับไม่ได้ประตูทำให้กระแสเกมไม่พลิกมา เข้าทาง


ฟุตบอลโลก 2010 รอบน็อคเอาต์ (27 มิ.ย.53)

เยอรมัน 4-1 อังกฤษ

สนาม : ฟรีสเตท สเตเดี้ยม


ประตู :

1-0 โคลเซ่ 20

2-0 โพดอลสกี้ 33

2-1 อัพสัน 38

3-1 มุลเลอร์ 67

4-1 มุลเลอร์ 70

เกมสุดยอดของรอบสองเมื่อสองทีมดัง “อินทรีเหล็กเยอรมัน และ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ต้องมาเจอกันเองในรอบที่ 2 โดยเกมนี้ทั้งสองทีมปึ้กสุดๆ เยอรมันได้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ พ้นโทษแบน ขณะที่อังกฤษ ใช้ชุดเดิมจากเกมที่ชนะสโลวีเนีย ล่าสุด

เริ่มต้นเกมมาทางด้านเยอรมัน เป็นฝ่ายที่เปิดฉากลุยเข้าใส่ทันที และแค่นาทีที่ 4 ก็เกือบได้เฮแล้ว โดยเป็นจังหวะของ โอซิล ที่ได้บอลเปิดเข้าเขตโทษก่อนจะหลุดเข้าไปได้ซัดเดี่ยวๆ แต่เจมส์ ใช้ขาเซฟได้อย่างหวุดหวิด

หลังจากนั้น เกมเป็นของทีมเมืองเบียร์ที่เล่นได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยอังกฤษ ต่อบอลทำเกมแทบไม่ได้เลย และมาถึงนาทีที่ 20 เยอรมัน ก็มาได้ประตูนำ 1-0 ในจังหวะที่ นอยเออร์ สาดบอลจากประตูขึ้นมาบอลกระเด้งมาเข้าทาง โคลเซ่ วิ่งหลุดเข้าเขตโทษแล้วเบียดเอาชนะอัพสันได้ ก่อนจะจิ้มผ่าน เจมส์ เข้าไป

อังกฤษ พยายามตอบโต้แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก ตรงข้ามกับเยอรมัน ที่ลุยขึ้นมาทีไรก็สร้างความป่วนได้ตลอด และ โคลเซ่ ก็เกือบจะยิงประตูที่สองได้ด้วยเมื่อได้บอลจ่ายทะลุช่องให้โดย มุลเลอร์ แต่ยิงไม่ผ่านเจมส์

แต่เยอรมัน ก็มาหนีเป็น 2-0 ได้สำเร็จในนาทีที่ 33 จากการประสานงานสุดยอดจากการต่อบอลเป็นทอดๆ โอซิล ให้โคลเซ่ ดีดทำชิ่งให้กับ โธมัส มุลเลอร์ หลุดทะลุเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะเปิดให้ โพดอลสกี้ ที่เติมมาพอดีซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเฉียบขาด

สิงโตคำรามยังไม่ยอมแพ้ ไล่มาเป็น 2-1 ได้ในอีก 5 นาทีต่อมาจากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งขวา แล้วเล่นสั้นกัน ก่อนที่เป็น เจอร์ราร์ด เปิดลึกเข้ามาให้ อัพสัน ได้ขึ้นโขกบอลแก้ตัวจากความผิดพลาดที่ทำให้ทีมเสียประตูแรก

นาทีถัดมา อังกฤษ ควรได้ประตูตีเสมอเป็น 2-2 ด้วยเมื่อดันเกมขึ้นมาอีก เดโฟ พลิกบอลหน้าเขตโทษแต่โดนสกัดได้ บอลมาเข้าทาง แลมพาร์ด วิ่งเติมมายิงแบบเน้นๆบอลพุ่งไปชนคานก่อนกระเด้งลงมา แต่กลายเป็นการเฮเก้อกันทั้งทีมเมื่อผู้ตัดสินไม่ให้ประตู

ช่วงที่เหลือ อังกฤษ ยังพยายามจะบุกเพื่อตีเสมอให้ได้ แต่ว่าก็ทำไม่สำเร็จ จบเกมครึ่งแรกเยอรมัน จึงยังนำอยู่เหมือนเดิม

ครึ่งหลังอังกฤษ ลุยต่อเนื่องและเกือบจะตีเสมอได้จากลูกฟรีคิกระยะกว่า 35 หลา แลมพาร์ด ตะบันด้วยขวาบอลพุ่งไปชนคานดังสนั่น ถือเป็นการเปิดฉากครึ่งหลังให้สนุกตื่นเต้นอีกครั้ง โดยหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เปิดเกมแลกกันตลอด

อังกฤษ พยายามบี้หนักและจ่ายบอลขึ้นหน้าให้เร็วขึ้น ซึ่งก็ทำได้สวย 2-3 ครั้งแต่ยังไม่สำเร็จ ขณะที่เยอรมัน โต้กลับมาและใช้การยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษโดยมีจังหวะของ มุลเลอร์ และชไวน์สไตเกอร์ ที่ได้ลุ้นเหมือนกัน

แต่มาถึงนาทีที่ 67 อังกฤษ ก็มาเสียประตู 3-1 ในจังหวะที่ขึ้นไปเล่นลูกเตะมุมแล้วมาพลาดโดนสวนกลับเร็ว เยอรมันขึ้นมา 3 ต่อ 2 ก่อนที่ ชไวน์สไตเกอร์ จะเลือกจ่ายให้ มุลเลอร์ จบสกอร์เข้าไปอย่างสวยงาม

เกมมาขาดในอีก 3 นาทีถัดมา โดยเป็นประตูในรูปแบบเดิมเป๊ะเมื่อเยอรมัน สวนกลับในจังหวะที่อังกฤษ พลาดในการเล่นลูกเตะมุมเป็นทางด้าน โอซิล ที่สปีดพาบอลหนี แบร์รี่ ไปแบบคนละชั้นก่อนจะใส่พานให้ มุลเลอร์ เติมมาเข้าฮอสสบายๆ

ที่สกอร์ 4-1 เยอรมัน ก็เล่นประคองตัวอย่างสบายๆ แต่อังกฤษ ก็ยังไม่ถึงกับถอดใจมีจังหวะที ่เจอร์ราร์ด เติมมาได้ยิงในเขตโทษแต่ว่านอยเออร์ เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนที่สุดท้ายจะรักษาสกอร์เอาไว้ได้สำเร็จ และได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายรอเจออาร์เจนติน่า หรือเม็กซิโก


ผู้ ตัดสิน : ลาร์ริออนด้า